iPhone 13 เป็นสมาร์ทโฟนที่พัฒนาโดย Apple Inc. ถูกเปิดตัวในเดือนกันยายน 2021 และเป็นส่วนหนึ่งของชุด iPhone 13 ซึ่งยังประกอบด้วย iPhone 13 Mini, iPhone 13 Pro และ iPhone 13 Pro Max. iPhone 13 มาพร้อมกับคุณสมบัติและนวัตกรรมหลายประการที่ทำให้มันเป็นหนึ่งในสมาร์ทโฟนที่น่าสนใจที่สุดในตลาด:
- การออกแบบและแสดงผล: iPhone 13 มีหน้าจอ Super Retina XDR OLED ขนาด 6.1 นิ้ว พร้อมกับระบบ True Tone และ HDR10 ทำให้ภาพมีความสดใสและคมชัดมากยิ่งขึ้น ตัวเครื่องมีการปรับปรุงด้านการออกแบบ โดยมีตัวเลือกสีที่หลากหลายและขอบที่เรียบและมีความทนทานมากขึ้น
- ประสิทธิภาพ: ขับเคลื่อนด้วยชิป A15 Bionic ที่ทรงพลัง ซึ่งมีหน่วยประมวลผล 6-core CPU และ 4-core GPU ทำให้การประมวลผลภาพและการทำงานรวดเร็วและลื่นไหล
- กล้อง: iPhone 13 มีกล้องคู่ที่ด้านหลัง ทั้งคู่เป็นกล้อง 12 MP ซึ่งมีเลนส์ Wide และ Ultra Wide ที่ปรับปรุงมาใหม่ ซึ่งมีประสิทธิภาพการถ่ายภาพที่ดีขึ้นในสภาพแสงน้อย และมีคุณสมบัติเช่น Night mode, Deep Fusion และ Smart HDR 4
- การบันทึกวิดีโอ: iPhone 13 มาพร้อมกับคุณสมบัติ “Cinematic mode” ที่ช่วยให้สามารถบันทึกวิดีโอด้วยเอฟเฟกต์ลึกฉากหลัง (depth-of-field) และสามารถปรับโฟกัสได้อย่างอัตโนมัติ
- แบตเตอรี่และการชาร์จ: iPhone 13 มีการปรับปรุงในเรื่องของแบตเตอรี่ ที่มีอายุการใช้งานที่ยาวนานกว่ารุ่นก่อนหน้า รองรับการชาร์จไร้สาย MagSafe และการชาร์จแบบเร็วผ่านพอร์ต Lightning
- ความเชื่อมต่อ: รองรับ 5G ทำให้มีความเร็วในการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตที่สูงขึ้นอย่างมาก
iPhone 13 เป็นการผสานรวมระหว่างคุณสมบัติที่ทันสมัยและประสิทธิภาพที่เยี่ยมยอด ทำให้มันเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่ต้องการสมาร์ทโฟนที่มีคุณภาพสูงและสามารถทำงานได้อย่างหลากหลาย.
การออกแบบของ iPhone 13
- ขนาดและน้ำหนัก: iPhone 13 มีขนาดที่ค่อนข้างคล้ายกับ iPhone 12 แต่มีน้ำหนักและความหนาเล็กน้อยที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากการปรับปรุงด้านแบตเตอรี่และฮาร์ดแวร์ภายใน
- จอแสดงผล: มีจอแสดงผล Super Retina XDR OLED ขนาด 6.1 นิ้ว ซึ่งมอบคุณภาพภาพที่สว่างและคมชัด และมีระบบ True Tone และ HDR10 สำหรับประสบการณ์การดูที่ดียิ่งขึ้น
- รอยบาก (Notch): รอยบากของ iPhone 13 ถูกลดขนาดลงประมาณ 20% เมื่อเทียบกับ iPhone 12, ทำให้มีพื้นที่จอแสดงผลเพิ่มขึ้น
- วัสดุ: iPhone 13 มีกรอบที่ทำจากอลูมิเนียม และด้านหลังทำจากกระจก ทำให้มีความทนทานและสวยงาม
- สี: มีให้เลือกหลายสี ได้แก่ สีน้ำเงิน, สีชมพู, สีเขียวกลางคืน, สีดาว, และสีแดง
- กล้อง: มีกล้องคู่ที่ด้านหลัง ซึ่งตั้งอยู่ในการจัดวางที่เปลี่ยนไป โดยมีการจัดวางแนวทแยงมุมเพื่อรองรับเซ็นเซอร์ที่ใหญ่ขึ้นและเทคโนโลยีกล้องที่ปรับปรุงใหม่
- การป้องกันน้ำและฝุ่น: iPhone 13 มีความทนทานต่อน้ำและฝุ่นด้วยการรับรอง IP68
การออกแบบของ iPhone 13 นั้นสะท้อนถึงความพยายามของ Apple ในการผสานรวมระหว่างความทนทาน, ความสวยงาม, และการใช้งานที่ทันสมัย. ผลลัพธ์คือโทรศัพท์ที่ไม่เพียงแต่ดูดี แต่ยังมีประสิทธิภาพในการใช้งานได้ดีอย่างยอดเยี่ยม.
iPhone 13 มีกี่สเปคและกี่สีให้เลือก
สเปค
iPhone 13 มีให้เลือกในหลายสเปคเกี่ยวกับความจุของหน่วยความจำภายใน ได้แก่:
- 128GB: รุ่นพื้นฐานที่มีหน่วยความจำภายใน 128GB
- 256GB: รุ่นที่มีหน่วยความจำภายใน 256GB
- 512GB: รุ่นที่มีหน่วยความจำภายใน 512GB
สี
iPhone 13 มีให้เลือกหลายสี ได้แก่:
-
- สีน้ำเงิน (Blue)
- สีชมพู (Pink)
- สีเขียวกลางคืน (Midnight)
- สีดาว (Starlight)
- สีแดง (Product RED)
- สีดำ ( Black )
แต่ละสีและสเปคของ iPhone 13 มีลักษณะทางเทคนิคเหมือนกัน ความแตกต่างอยู่ที่ความจุของหน่วยความจำภายในและสีของตัวเครื่องเท่านั้น.
iPhone 13 อัพเดทจาก iPhone 12 ยังไง
- ชิปเซ็ต: iPhone 13 ใช้ชิป A15 Bionic ซึ่งเป็นชิปที่ทันสมัยและทรงพลังกว่าชิป A14 Bionic ใน iPhone 12 มันมาพร้อมกับ CPU ที่เร็วขึ้นและ GPU ที่ปรับปรุงการประมวลผลกราฟฟิกได้ดียิ่งขึ้น
- การปรับปรุงกล้อง: ในขณะที่ iPhone 12 และ 13 ทั้งคู่มีกล้อง 12 MP, iPhone 13 มีเซ็นเซอร์ใหญ่ขึ้นและเทคโนโลยีการประมวลผลภาพที่ดีขึ้น ทำให้มีประสิทธิภาพในการถ่ายภาพที่ดีขึ้นในสภาพแสงน้อย
- การออกแบบและขนาดของตัวเครื่อง: iPhone 13 มีขอบที่หนาขึ้นเล็กน้อยและมีน้ำหนักที่เพิ่มขึ้นเล็กน้อย เมื่อเทียบกับ iPhone 12 นอกจากนี้ รอยบาก (notch) ที่ด้านหน้าของ iPhone 13 ถูกลดขนาดลงประมาณ 20% เมื่อเทียบกับ iPhone 12
- คุณภาพจอแสดงผล: แม้ว่าทั้ง iPhone 12 และ 13 จะใช้จอแสดงผล OLED, iPhone 13 มีความสว่างสูงกว่า ซึ่งช่วยปรับปรุงการมองเห็นภายนอกอาคาร
- แบตเตอรี่และอายุการใช้งานแบตเตอรี่: iPhone 13 มีแบตเตอรี่ที่มีอายุการใช้งานนานกว่าเมื่อเทียบกับ iPhone 12 และมีประสิทธิภาพการจัดการพลังงานที่ดีขึ้น
- การจัดเก็บข้อมูล: iPhone 13 เริ่มต้นที่ความจุ 128GB สำหรับรุ่นพื้นฐาน ซึ่งเป็นการอัพเกรดจาก 64GB ของ iPhone 12
- การเชื่อมต่อ 5G: แม้ว่าทั้งสองรุ่นจะรองรับ 5G, iPhone 13 มีการปรับปรุงในเรื่องของระบบเชื่อมต่อ ทำให้มีประสิทธิภาพที่ดีขึ้นในการใช้งาน 5G
การอัพเดทเหล่านี้ทำให้ iPhone 13 มีประสิทธิภาพที่ดีขึ้นในหลายด้าน เมื่อเทียบกับ iPhone 12 และทำให้เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่กำลังมองหาสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่.
iPhone 13 มีฟีเจอร์พิเศษอะไรบ้าง
- ชิป A15 Bionic: ชิปที่ทรงพลังนี้ให้ประสิทธิภาพที่รวดเร็วและมีประสิทธิผลสูง ทำให้ iPhone 13 สามารถจัดการกับงานที่ต้องการประสิทธิภาพสูงได้อย่างไม่มีปัญหา
- ระบบกล้องดิจิทัลคุณภาพสูง: กล้องคู่ 12 MP ที่ปรับปรุงใหม่พร้อมฟีเจอร์เช่น Night mode, Deep Fusion และ Smart HDR 4 สำหรับการถ่ายภาพและวิดีโอที่มีคุณภาพสูง
- โหมดวิดีโอซีเนมาติก (Cinematic mode): ฟีเจอร์นี้ช่วยให้ผู้ใช้บันทึกวิดีโอที่มีเอฟเฟกต์ความลึกของฉากหลังแบบภาพยนตร์ พร้อมความสามารถในการปรับโฟกัสอย่างอัตโนมัติ
- จอแสดงผล Super Retina XDR: จอ OLED นี้มีความสว่างสูงและรายละเอียดที่ชัดเจน ทำให้มีประสบการณ์การดูที่ยอดเยี่ยม
- ความทนทานต่อน้ำและฝุ่น: รับรองด้วยมาตรฐาน IP68 ทำให้มีความทนทานต่อน้ำและฝุ่น
- การเชื่อมต่อ 5G: รองรับเครือข่าย 5G ทำให้สามารถเข้าถึงอินเทอร์เน็ตได้เร็วและมีความเสถียรมากขึ้น
- แบตเตอรี่ที่มีอายุการใช้งานยาวนาน: การปรับปรุงด้านแบตเตอรี่ทำให้ iPhone 13 มีอายุการใช้งานที่ยาวนานกว่ารุ่นก่อน
- Face ID ที่ปรับปรุงใหม่: ระบบการระบุตัวตนด้วยใบหน้าที่รวดเร็วและแม่นยำยิ่งขึ้น
- รองรับ MagSafe: มีความสามารถในการชาร์จและอุปกรณ์เสริมที่ใช้งานร่วมกับ MagSafe ได้
- iOS 15: ระบบปฏิบัติการ iOS 15 ที่มาพร้อมกับฟีเจอร์ใหม่ๆ และปรับปรุงเพื่อให้การใช้งาน iPhone เป็นเรื่องง่ายและสะดวกยิ่งขึ้น
ฟีเจอร์เหล่านี้ทำให้ iPhone 13 เป็นสมาร์ทโฟนที่เหมาะกับผู้ที่ต้องการประสิทธิภาพสูง ความทนทาน และการถ่ายภาพและวิดีโอที่มีคุณภาพ.
เปรียบเทียบระหว่าง iPhone 12 และ iPhone 13
iPhone 12
- ชิปเซ็ต: A14 Bionic
- การออกแบบ: หน้าจอ 6.1 นิ้ว Super Retina XDR, ขอบแบน
- กล้อง: กล้องคู่ 12 MP (Wide และ Ultra Wide)
- แบตเตอรี่: อายุการใช้งานปานกลาง
- การเชื่อมต่อ: รองรับ 5G
- ฟีเจอร์พิเศษ: Night mode, Deep Fusion, MagSafe
- ความจุขั้นต่ำ: 64GB
iPhone 13
- ชิปเซ็ต: A15 Bionic
- การออกแบบ: หน้าจอ 6.1 นิ้ว Super Retina XDR, ขอบแบน, รอยบากเล็กลง
- กล้อง: กล้องคู่ 12 MP (Wide และ Ultra Wide) ที่ปรับปรุงเซ็นเซอร์และเทคโนโลยี
- แบตเตอรี่: ประสิทธิภาพดีขึ้นกว่า iPhone 12
- การเชื่อมต่อ: รองรับ 5G
- ฟีเจอร์พิเศษ: Cinematic mode สำหรับวิดีโอ, Photographic Styles, MagSafe
- ความจุขั้นต่ำ: 128GB
รุ่นที่เหมาะกับผู้ใช้ขึ้นอยู่กับความต้องการของแต่ละบุคคล ไม่ว่าจะเป็นด้านประสิทธิภาพ, คุณสมบัติกล้อง, หรืองบประมาณ. ทั้ง iPhone 12 และ 13 เป็นตัวเลือกที่ดีในปัจจุบัน โดยมีการปรับปรุงที่เห็นได้ชัดเจนใน iPhone 13 เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า